
ข้อดีสำหรับ JR Green Car รถไฟเที่ยวญี่ปุ่นที่นั่งระดับ First Class
ปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบไปเที่ยวเอง เพราะนอกจากจะรวดเร็วแล้ว ยังสะดวกสบายต่อการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ แต่ด้วยจำนวนคนที่ขึ้นรถไฟมีมากและการสื่อสารทางภาษาที่ค่อนข้างลำบาก คนส่วนใหญ่จึงมักหาซื้อตั๋วรถไฟหรือก็คือ JR Pass ก่อนเดินทางไปเที่ยว
JR Pass ที่คนนิยมใช้กัน ปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภท
➊ JR Ordinary หรือตั๋วรถไฟชั้นธรรมดา
➋ JR Green Car หรือตั๋วรถไฟแบบชั้นหนึ่ง (First Class)
➊ JR Ordinary หรือตั๋วรถไฟชั้นธรรมดา
➋ JR Green Car หรือตั๋วรถไฟแบบชั้นหนึ่ง (First Class)
หลายๆคนอาจรู้จัก JR Ordinary กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำ JR Green Car หรือรถไฟชั้นหนึ่งกันบ้าง JR Green Car คืออะไร มีข้อดียังไง และต่างจากรถไฟชั้นธรรมดายังไง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ภายใน JR Green Car
JR Green Car แม้ชื่อจะมีคำว่า Green แต่ไม่ได้หมายถึงรถไฟสีเขียวนะคะ Green car เป็นชื่อของตู้ในขบวนรถไฟชินคันเซน ซึ่งจะมีอยู่ในชินคันเซนแค่บางขบวนเท่านั้น ความพิเศษของ JR Green Car ก็ตามชื่อเรียกเลย คือที่นั่งเป็นแบบ First Class มีความกว้าง สะดวกสบาย และหรูหรากว่าที่นั่งชั้นธรรมดา ใน Green Car บางขบวนจะมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ และบริการพิเศษ อย่างเสริฟผ้าขนหนู หรือเสริฟเครื่องดื่มร้อน / เย็นระหว่างทางให้ด้วย อย่างเช่น JR Hokkaido Line เป็นต้น JR Green Car ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดหรือช่วงพีคสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะจะมีที่นั่งรองรับนักท่องเที่ยวได้มาก และมีคนน้อยกว่าชั้นธรรมดา ซึ่งสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางแบบไม่ชอบความวุ่นวายหรือคนพลุกพล่าน
สรุปข้อดีของ JR Green Car
① มีระยะห่างระหว่างที่นั่งมากกว่ารถไฟชั้นธรรมดา ที่นั่งกว้างกว่า และเหยียดขาได้มากกว่า ที่วางขาสามารถปรับได้หลายระดับ
② มีพื้นที่พิเศษสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทาง
③ มีความเงียบสงบ ไม่แออัด และคนพลุกพล่านน้อยกว่าชั้นธรรมดา
④ จองง่าย คนไม่เยอะ มีที่นั่งแน่นอน
⑤ ที่นั่งสามารถปรับเอนได้มากกว่าปกติ
⑥ ที่นั่งเป็นแบบ 2 x 2 เป็นแบบคู่
① มีระยะห่างระหว่างที่นั่งมากกว่ารถไฟชั้นธรรมดา ที่นั่งกว้างกว่า และเหยียดขาได้มากกว่า ที่วางขาสามารถปรับได้หลายระดับ
② มีพื้นที่พิเศษสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทาง
③ มีความเงียบสงบ ไม่แออัด และคนพลุกพล่านน้อยกว่าชั้นธรรมดา
④ จองง่าย คนไม่เยอะ มีที่นั่งแน่นอน
⑤ ที่นั่งสามารถปรับเอนได้มากกว่าปกติ
⑥ ที่นั่งเป็นแบบ 2 x 2 เป็นแบบคู่
⑦ สะดวกสบายสำหรับคนที่ต้องการใช้ Labtop ทำงานระหว่างเดินทางเพราะมีพื้นที่กว้างขวางและมีโต๊ะพับหน้าที่นั่ง
⑧ ห้องน้ำสะดวก และใหญ่กว่าชั้นธรรมดา
⑨ ที่นั่งมีวิทยุให้ฟัง
⑩ มีขนม และเครื่องดื่มเสริฟให้ระหว่างเดินทาง *ในบางพื้นที่ ⑪ มีผ้าขนหนูเสริฟให้ระหว่างเดินทาง *ในบางพื้นที่
⑧ ห้องน้ำสะดวก และใหญ่กว่าชั้นธรรมดา
⑨ ที่นั่งมีวิทยุให้ฟัง
⑩ มีขนม และเครื่องดื่มเสริฟให้ระหว่างเดินทาง *ในบางพื้นที่ ⑪ มีผ้าขนหนูเสริฟให้ระหว่างเดินทาง *ในบางพื้นที่
ความต่างระหว่างรถไฟชั้นธรรมดา (Ordinary) และชั้นหนึ่ง (Green Car)
รถไฟในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักเป็นแบบ Ordinary Car สำหรับรถไฟที่เป็นระยะทางไกลจึงจะมี Green Car ผู้ที่ถือตั๋ว JR แบบ Green Car จะสามารถเลือกนั่งรถไฟชั้น Ordinary หรือแบบ Green Car ก็ได้ ในขณะที่ผู้ที่ถือตั๋ว JR Ordinary สามารถนั่งได้เฉพาะที่นั่งชั้น Ordinary เท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
รถไฟในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักเป็นแบบ Ordinary Car สำหรับรถไฟที่เป็นระยะทางไกลจึงจะมี Green Car ผู้ที่ถือตั๋ว JR แบบ Green Car จะสามารถเลือกนั่งรถไฟชั้น Ordinary หรือแบบ Green Car ก็ได้ ในขณะที่ผู้ที่ถือตั๋ว JR Ordinary สามารถนั่งได้เฉพาะที่นั่งชั้น Ordinary เท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ตารางเปรียบเทียบ
ตู้รถไฟที่มีสัญลักษณ์ O สามารถใช้ JR Pass ได้
ตู้รถไฟที่มีสัญลักษณ์ ★ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ตู้รถไฟที่มีสัญลักษณ์ O สามารถใช้ JR Pass ได้
ตู้รถไฟที่มีสัญลักษณ์ ★ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ตารางเปรียบเทียบรถไฟชั้นธรรมดา (Ordinary) และชั้นหนึ่ง (Green Car)
(1) ตั๋ว JR pass ใช้บนเส้นทางสาย Nozomi และ Mizuho ได้ทั้งแบบ Ordinary และแบบ Green แต่ต้องซื้อตั๋วราคาพิเศษเพิ่ม
(2) ตู้รถไฟส่วนใหญ่ Sanyo Shinkansen (Hikari, Kodama) และ Kyushu Shinkansen (Sakura, Tsubame) ไม่มีตู้แบบ Green
(3) หากโดยสารตู้ประเภท DX Green (สาย JR Kyushu) ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
(4) ผู้โดยสารที่ถือตั๋ว JR ทั้งแบบ Ordinary และ Green สามารถโดยสารตู้ประเภท Green Class ได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
(2) ตู้รถไฟส่วนใหญ่ Sanyo Shinkansen (Hikari, Kodama) และ Kyushu Shinkansen (Sakura, Tsubame) ไม่มีตู้แบบ Green
(3) หากโดยสารตู้ประเภท DX Green (สาย JR Kyushu) ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
(4) ผู้โดยสารที่ถือตั๋ว JR ทั้งแบบ Ordinary และ Green สามารถโดยสารตู้ประเภท Green Class ได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม